แนวทางการใช้ยา Nintedanib
ข้อมูลปรับปรุงล่าสุด 23 มกราคม พ.ศ. 2561
แนวทางการใช้ยา Nintedanib (Ofev®) ในผู้ป่วยโรค idiopathic pulmonary fibrosis (IPF)
ข้อมูลพื้นฐานของยา
Nintedanib เป็น tyrosine kinase inhibitor ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้ง receptor หลายชนิด คือ platelet-derived growth factor receptors (PDGFR a และ b), vascular endothelial growth factor receptors (VEGFR-1, -2 และ -3) และ fibroblast growth factor receptor 1 (FGFR-1) ซึ่งมีผลยับยั้งการเกิด fibroblast proliferation และ fibroblast-myofibroblast transformation และลดการสะสมของ inflammatory cells และ collagen ด้วย
กลุ่มประชากรในการศึกษาการใช้ยา nintedanib ในผู้ป่วย idiopathic pulmonary fibrosis (IPF) เป็นผู้ป่วยที่มี mild to moderate physiologic impairment พบว่าการใช้ nintedanib 300 mg/day และติดตามไป 52 สัปดาห์ สามารถชะลอการลดลงของ force vital capacity (FVC) ได้ (ตารางที่ 1) ส่วนผลการรักษาอื่นๆ เช่น คุณภาพชีวิต อัตราการเสียชีวิตและการเกิด acute exacerbations มีแนวโน้มที่ดีกว่าในกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยา แต่ยังไม่แตกต่างกันกับกลุ่ม placebo อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ปัจจุบันมีการศึกษาติดตามผู้ป่วยที่สิ้นสุดการศึกษา INPULSIS ต่อไปเพื่อศึกษาผลของการใช้ยาในระยะยาว (INPULSIS-ON) และข้อมูลเบื้องต้นพบว่าผลของการชะลอการลดลงของ FVC ยังคงอยู่หลัง 48 สัปดาห์ของการติดตามต่อเนื่อง
ตารางที่ 1 การเปลี่ยนแปลงของ vital capacity ของการศึกษาการใช้ยา nintedanib ในผู้ป่วย idiopathic pulmonary fibrosis (IPF)
ขนาดยาและการบริหารยา
ขนาดยา : 100 mg และ 150 mg
การบริหารยา : วันละ 2 ครั้ง (เช้า-เย็น) หลังอาหาร หรือพร้อมอาหาร
เกณฑ์การวินิจฉัย idiopathic pulmonary fibrosis (IPF)
- ลักษณะทางรังสีและพยาธิวิทยาเข้าได้กับ UIP โดยอิงตามเกณฑ์ของ ATS/ERS/JRS/ALAT statement (ข้อใดข้อหนึ่ง)
- ลักษณะ HRCT เข้าได้กับ usual interstitial pneumonia (UIP) ทั้ง 3 ข้อ (ตารางที่ 2)
- ลักษณะ HRCT เข้าได้กับ UIP ไม่ครบ 3 ข้อในตารางที่ 2 แต่มีลักษณะของ UIP จาก histopathology ครบทั้ง 2 ข้อในตารางที่ 2
- มีลักษณะที่บ่งว่าไม่ใช่ UIP จาก HRCT (ตารางที่ 2) แต่มีลักษณะของ UIP จาก histopathology ครบทั้ง 2 ข้อในตารางที่ 2 และมี fibroblastic foci
- ไม่พบสาเหตุที่ทำให้เกิด UIP จากประวัติ ตรวจร่างกาย และการสืบค้นเพิ่มเติม อย่างน้อย 1 ข้อต่อไปนี้
- มีอาการและอาการแสดงของ connective tissue disease (CTD) ร่วมกับผลการตรวจ serology เข้าได้ตามเกณฑ์การวินิจฉัย CTD
- สงสัยภาวะ interstitial pneumonia with autoimmune features (IPAF) คือ มีอาการและอาการแสดงร่วมกับผลการตรวจ serology ที่สนับสนุน connective tissue disease (CTD) แต่ไม่ครบตามเกณฑ์การวินิจฉัย CTD
- มีประวัติอาชีพ การใช้ยาบางชนิด หรือสัมผัสสัตว์หรือสารเคมีที่สงสัยว่าอาจเป็นสาเหตุของ UIP
ตารางที่ 2 ลักษณะ UIP pattern จาก HRCT และ histopathology จาก surgical lung biopsy
เกณฑ์การให้ยา nintedanib ในผู้ป่วย IPF
- ความรุนแรงของโรค พิจารณาจากผลการทดสอบสมรรถภาพปอด (มีทั้งข้อ 1.1 และ 1.2)
1.1 FVC เมื่อเริ่มพิจารณาการให้ยาเท่ากับ 50-80% predicted
1.2 มีความรุนแรงของโรคมากขึ้น (ข้อใดข้อหนึ่ง)
1.2.1 ค่า % predicted ของ FVC ลดลง > 10%* ในช่วงการติดตามการรักษา 6 เดือน หรือ
1.2.2 ค่า % predicted ของ DLCO ลดลง > 15%* ในช่วงการติดตามการรักษา 6 เดือน
- ผู้ป่วยหยุดสูบบุหรี่แล้วอย่างน้อย 6 เดือน
* ค่าเปอร์เซ็นต์ที่ลดลงใช้เป็นค่า absolute
ข้อห้ามของการใช้ยา nintedanib
- ค่า liver enzymes (AST หรือ ALT หรือ GGT) หรือ total bilirubin มากกว่าหรือเท่ากับ 5 เท่าของค่า upper normal limit
- ผู้ป่วยโรคตับแข็ง Child Pugh B หรือ C
- มีโรคหัวใจ ได้แก่ myocardial infarction ภายในระยะเวลา 6 เดือน หรือมีอาการของ unstable angina ภายในระยะเวลา 1 เดือน
- แพ้ยา nintedanib หรือแพ้อาหารบางชนิด ได้แก่ ถั่ว peanut, ถั่วเหลือง (soy)
- หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
- ผู้ป่วยไตวายที่มีค่า creatinine clearance < 30 mL/min
การตรวจติดตามผู้ป่วยหลังการให้ยา
- ตรวจ liver enzymes (AST, ALT) และ total bilirubin ทุกเดือนนาน 3 เดือน หลังจากนั้นติดตามทุก 3 เดือนจนครบ 1 ปี
- ทดสอบสมรรถภาพปอดทุก 6 เดือน ได้แก่
- Spirometry และ/หรือ DLCO
- 6-minute walk test
เกณฑ์การพิจารณาหยุดการรักษาด้วยยา nintedanib
- มีอาการข้างเคียงจากยารุนแรงหรือทนอาการข้างเคียงจากยาไม่ได้
- โรครุนแรงมากขึ้นหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษา (อย่างน้อย 1 ข้อ)
- ค่า % predicted ของ FVC ลดลง ≥ 10% ในช่วงการติดตามการรักษา 6 เดือน
- ค่า % predicted ของ DLCO ลดลง ≥ 15% ในช่วงการติดตามการรักษา 6 เดือน
แนวทางการบริหารยาหากมีผลข้างเคียงจากการใช้ยา
1. อาการคลื่นไส้ อาเจียน
- กินยารักษาตามอาการ
- ถ้าอาการรุนแรง ให้หยุดยา และเมื่ออาการดีขึ้น ให้เริ่มยาใหม่ด้วยขนาด 100 mg หรือ 150 mg วันละ 2 ครั้ง พร้อมอาหาร
- ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ควรหยุดยา
2. อาการท้องเสีย มีแนวทางการประเมินและปฏิบัติ ดังตารางที่ 3
ตารางที่ 3 แนวทางการบริหารยากรณีมีท้องเสียจากการใช้ยา Nintedanib
3. มีความผิดปกติของ liver enzyme
- ถ้าค่า liver enzyme เพิ่มขึ้น ≥ 5 เท่าหรือไม่ถึง 5 เท่าแต่ผู้ป่วยมีอาการของ liver injury เช่น ตัวเหลืองตาเหลือง ควรหยุดยา และไม่ให้ยาอีก
- ถ้าค่า liver enzyme เพิ่มขึ้น ≥ 3 เท่าแต่ไม่ถึง 5 เท่าของค่า upper normal limit แต่ไม่มีอาการ เช่น ตัวเหลืองตาเหลือง ควรหยุดยา และติดตามอย่างใกล้ชิด เมื่อผลเลือดกลับเป็นปกติ เริ่มให้ยาใหม่ด้วยขนาด 100 mg วันละ 2 ครั้ง
เอกสารอ้างอิง
- Richeldi L, Costabel U, Selman M, Kim DS, Hansell DM, Nicholson AG, et al. Efficacy of a tyrosine kinase inhibitor in idiopathic pulmonary fibrosis. N Engl J Med 2011 Sep 22;365(12):1079-1087.
- Richeldi L, du Bois RM, Raghu G, Azuma A, Brown KK, Costabel U, et al. Efficacy and safety of nintedanib in idiopathic pulmonary fibrosis. N Engl J Med 2014 May 29;370(22):2071-2082.
- Raghu G, Collard HR, Egan JJ, Martinez FJ, Behr J, Brown KK, et al. An official ATS/ERS/JRS/ALAT statement: idiopathic pulmonary fibrosis: evidence-based guidelines for diagnosis and management. Am J Respir Crit Care Med 2011 Mar 15;183(6):788-824.
- Fischer A, Antoniou KM, Brown KK, Cadranel J, Corte TJ, du Bois RM, et al. An official European Respiratory Society/American Thoracic Society research statement: interstitial pneumonia with autoimmune features. Eur Respir J 2015;46:976-87.
- Nintedanib for treating idiopathic pulmonary fibrosis. 2016. Available from: https://www.nice.org.uk/guidance/ta379.